นั่งเล่นกลางก้อนเมฆ บนยอด เขารามโรม กับอุณหภูมิ 19 องศา

วงสนทนาคืนนี้ดูจะสดชื่นเป็นพิเศษ คงเป็นเพราะความสดชื่นจากโอโซนที่สูดกันได้อย่างเต็มปอดในขณะที่เรานั่งจิบกาแฟกันอยู่บนยอดของ เขารามโรม หรือบ้างก็เรียกว่าเขาช่อง 7 เพราะเป็นที่ตั้งของสถานีส่งสัญญาณของทีวีหลายช่องก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นทีวีดิจิตอล บางสถานียังคงทำงานอยู่ บางสถานีก็รื้อหมด พื้นที่กลายเป็นของอุทยานที่จัดให้เป็นพื้นที่ตั้งแคมป์ รับอากาศเย็นต่ำกว่า 20 องศาแทบทุกฤดู

คณะปกติสุข นำโดย พี่นนท์ นนทิวรรธน์ นนทภักดิ์ นำพวกเราเข้าสู่พื้นที่เขารามโรมประมาณ 15 นาฬิกา ภายใต้การดูแลอาหารการกินและที่นอนโดยคณะนายพรานใหญ่ พี่บอย (ทาซานบอยและคณะ) การเดินทางต้องใช้รถ 4WD และคนขับที่ชำนาญพอสมควรเพราะเส้นทางลาดชันมาก แต่เป็นถนนราดยางตลอดสาย ใช้เวลาประมาณไม่เกิน 30 นาที เราก็เดินทางขึ้นถึงยอดเขา

อากาศด้านบนแตกต่างกับด้านล่างลิบลับ เราอยู่กลางสายหมอกที่พัดผ่านตัวตลอดเวลา หรืออาจจะเรียกว่านั่งอยู่กลางก้อนเมฆก็ว่าได้ เพราะส่วนไหนที่สามารถรับน้ำไว้ได้ก็จะเปียกแฉะไปเลย เหมือนเส้นผมของแอดมินขณะนี้ อากาศช่วงเย็นประมาณ 20 องศา ไม่สามารถมองไกลๆได้ คณะของทาซานบอยรีบจัดการเรื่องเต็นท์ ส่วนพวกเรารีบใช้เวลาก่อนค่ำเดินสำรวจตามเส้นทางเทรลที่ทางอุทธยาณได้สร้างไว้

เส้นทางยาวประมาณ 1.4 กิโลเมตร สร้างเป็นทางเท้า สามารถเดินเล่นได้ทุกวัย พวกเราต้องรีบเดินทางเพราะยิ่งค่ำก็จะยิ่งมองทางลำบาก

สองข้างทางอุดมสมบูรณ์เกินจะบอกกล่าว พันธุ์ไม้หายากซึ่งเป็นพันธุ์ไม้เฉพาะถิ่นของป่าใต้มีให้เราได้ชมตลอดเส้นทาง โดยเฉพาะต้นมหาสดำซึ่งเป็นพืชล้านปีที่มีไม่กี่ที่ในเมืองไทย

แน่นอนว่าระหว่างเส้นทางเดินจะปกคลุมไปด้วยเมฆอย่างหนาตลอดเส้นทาง สำหรับแอดมินก็เพลิดเพลินลั๊ลลาไปเรื่อยไม่รีบร้อน จนกระทั่งชาวคณะได้บอกว่า ระวังทากนะ แค่นัั้นแหละ รีบพุ่งไปสู่ที่แห้งๆทันที ความสุขลดลงตามความกลัว 555

กลับมาถึงที่ตั้งแคมป์ วงสนทนาช่วงค่ำก็เริ่มขึ้นทันที ได้มีโอกาศพบเพื่อนใหม่ 2 ท่านที่เดินทางมาจากภูเก็ต ยุบรวมเป็นวงเดียว การสนทนาเรื่องธรรมชาติดูจะออกรสออกชาดมาก ฟังเรื่องราวการเดินป่าเขาหลวงจากทาซานบอย สนุกจนอยากจะพาตัวไปบุกป่าฝ่าดงสักครา (หากมียารักษาอาการกลัวทากได้)

มีโอกาศฟังความคิดเห็นเรื่องของป่าต้นน้ำว่าทำไมถึงเป็นป่าต้นน้ำ น้ำมาจากไหน ส่วนมากก็บอกว่ามาจากดิน แต่ในทัศนคติของทาซานบอยบอกว่า น้ำมันมาจากเมฆนี่แหละ เมื่อพัดปะทะต้นไม้ในอุณหภูมิที่เหมาะสมมันก็จะกลั่นเป็นน้ำไหลลงสู่พื้นดิน ไปสู่ลำคลองต่างๆ จากที่เราสังเกตุเห็นก็เป็นเช่นนั้น ต้นไม้ทุกต้นเปียกแฉะและไหลอยู่ตลอดเวลาจริงๆ

ยิ่งดึกก็ยิ่งหนาว วงสนทนายังไม่ยอมลุก พกกีตาร์ไปแต่รู้สึกว่ารำคาญเสียงตัวเอง อยากฟังเสียงป่าให้สำราญใจ ใครที่ง่วงก็ทยอยไปนอนก่อน ใครอึดก็นั่งต่อ จนประมาณเที่ยงคืนจึงแยกย้ายกันไปนอน ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาเพิ่มความเย็น

ตื่นเช้ามาประมาณหกโมงเช้าพร้อมสูดอากาศที่แสนจะสดชื่น สมาชิกค่อยๆทยอยออกมาจากเต็นท์ วงกาแฟยามเช้าเริ่มขึ้น พูดคุยเรื่อยเปื่อย 10 โมงแล้วก็ยังคงเย็นมากเหมือนเดิม จนกระทั่งเที่ยงจึงเริ่มเก็บของเพื่อเดินทางกลับบ้าน ทุกคนเก็บสัมภาระของตนเอง และเคลียขยะทุกชิ้นกลับลงสู่ข้างล่าง ทิ้งไว้เพียงความทรงจำที่คงต้องหาเวลามานอนค้างคืนกันใหม่

นี่แหละ เรื่องราวของ เขารามโรม หรือเขาช่องเจ็ด

Facebook Comments