สายมูนครศรีธรรมราช เนื่องจากเป็นเมืองที่เก่าแก่มีประวัติเป็นมายาวนาน เป็นเมืองท่าที่ต่างชาติเดินทางมาติดต่อค้าขาย รวมทั้งการเดินทางมาของผู้เผยแผ่ศาสนาจากทั่วสารทิศ ทำให้เมืองนี้เป็นศูนย์รวมของศาสนสถานหลายศาสนา พุทธ คริส อิสลาม ฮินดู พรหมณ์ และสิ่งที่มาคู่กันเสมอ นั่นก็คือความเชื่อเรื่องลี้ลับ ความเชื่อของสายมู ที่อาศัยเป็นที่ยึดเหนื่อวใจ ดังนั้นเราได้รวบรวมแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวสายมูต้องไปสักการะทั่วเมืองนครศรีธรรมราชมาฝากกัน และอาจจะมาอัพเดทเพิ่มเป็นระยะครับ
Important places in Nakhon Si Thammarat province related to spiritual beliefs for tourists to travel to pay homage.
1. ขอพรไอ้ไข่ วัดเจดีย์ สิชล
ยังคงเป็นเป้าหมายอันดับต้นๆของนครศรีธรรมราชมาอย่างยาวนานสำหรับ ไอ้ไข่วัดเจดีย์ ที่ผู้คนทั่วไทยพากันหลั่งไหลมากราบไหว้ขอพร หรือมาแก้บนจนผู้คนล้นวัดเจดีย์ แม้ว่าตั๋วเครื่องบินจะแพงสุดโหดก็ยังคงมีผู้ศรัทธาหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย ส่งอานิสงไปยังหลายอาชีพ เช่น ช่างปั้นไก่ คาเฟ่แถวสิชลขนอม ร้านอาหารย่านสิชล และอีกมากมายที่ได้รับต่อๆกันไป
2. วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร
วัดพระมหาธาตุ สายมูที่มาเยือนเมืองนครศรีธรรมราชจะต้องแวะไปสักการะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต องค์พระบรมธาตุที่เก่าแก่ มีตำนานเล่าขานยาวนานคู่เมืองนครศรีธรรมราช
3. พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน ฉวาง
พ่อท่านคล้าย พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของเมืองไทย ละสังขารไปหลายปี แต่ร่างของท่านไม่เน่าไม่เปื่อย ยังคงอยู่ให้ผู้ศรัทธาได้แวะเข้าไปสักการะที่วัดสวนขัน อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช
พ่อท่านคล้ายหรือพระครูพิศิษฐ์อรรถการ เดิมชื่อคล้าย สีนิล บิดาชื่ออินทร์ มารดาชื่อเนี้ยว เกิดที่บ้านทุ่งหราด ตำบลช้างกลาง อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันอังคาร ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๔ ปีจอ ใน พ.ศ.๒๔๑๗ ตรงกับรัชกาลที่ ๕ (พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยุ่หัว) แห่งราชวงศ์จักรี
เมื่อยังเยาว์ พ่อท่านคล้ายได้ศึกษาอักษรสมัย ทั้งไทยและขอม เก่งวิชาเลข มีนิสัยอ่อนโยน พูดจาไพเราะ เหตุการณ์สำคัญในชีวิตเมื่ออายุได้ ๑๕ ปี ที่ไปช่วยญาติตัดต้นไม้ถางป่าทางไร่ที่จังหวัดกระบี่บังเอิญในครั้งนั้นท่านได้ถูกต้นไม้ที่ญาติของท่านตัดโค่นลงมาล้มทับเท้าจนทำให้กระดูกแตกละเอียดและท่านได้แสดงถึงความเด็ดเดี่ยวและใช้มีดปาดตาลตัดช่วงเท้านั้นออก
ขณะที่ข้อมูลที่เป็นเรื่องเล่าของคนในท้องถิ่นเกี่ยวกับเหตุต้นไม้ทับเท้าจนกระดูกแตกของพ่อท่านคล้ายนั้น ได้เล่าไว้ว่า ในเหตุการณ์ครั้งนั้นเท้าของท่านไม่สามารถรักษาได้และท่านได้แสดงถึงความมานะอดทนได้ขี่ควายในขณะที่ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสกลับมารักษาตัวที่บ้านจันดี ถึงจะเป็นเรื่องเล่าเรื่องใดก็ตามแต่ผลสุดท้ายพ่อท่านคล้ายก็ต้องเสียเท้าข้างซ้ายไป และนั่นจึงทำให้ท่านต้องใส่ปลอกเท้าไม้ไผ่มาตลอดชีวิตของท่าน วิธีการที่ท่านจะทำปลอกเท้าใส่นั้นท่านก็จะสั่งให้ลูกศิษย์ ของท่านไปหาไม้ไผ่ ซึ่งมีข้อแม้ว่าจะต้องเป็นต้นที่หันลำไผ่ ไปยังทิศตะวันออก จากนั้นท่านก็จะมาทำขั้นตอนในการทำให้เป็นปลอกเท้าของท่านเอง
เมื่ออายุได้ประมาณ ๑๖ ปี เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๓๘ ได้บรรพชาเป็นสามเณรอยู่ที่วัดจันดี (วัดทุ่งปอน) ต.หลักช้าง บรรพชาโดยอาจารย์ พระอธิการจัน เจ้าอาวาส ณ ขณะนั้น เป็นเวลา ๒ ปีต่อมาเมื่ออายุประมาณ ๒๐ ปี ได้เข้าอุปสมบท ณ อุทกสีมา วัดวังม่วง อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับฉายาว่า “จันทสุวัณโณ” โดยมี พระครูกราย คงคสุวณฺโณ เจ้าอาวาสวัดหาดสูง เป็นพระอุปัชฌาย์ และอยู่จำพรรษาที่วัดจันดี ในระหว่างนี้พ่อท่านคล้ายได้ศึกษาพระอภิธรรม วิปัสสนา และบาลีจากสำนักต่างๆ
4. พ่อท่านเอื้อม วัดบางเนียน เชียรใหญ่
พ่อท่านเอื้อม กตปุญโญ วัดบางเนียนพ่อท่านเอื้อม กตปุญโญ วัดบางเนียน ละสังขารแล้ว วันที่ 9 ธันวาคม 2557 ละสังขาร อายุ 108 ปี 2 เดือน 8 วัน พ่อท่านเอื้อม กตปุญโญ พระเถราจารย์ ละสังขารที่โรงพยาบาลชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พ่อท่านเอื้อม กตปุญโญ วัดบางเนียน พระเกจิเอกด้านจตุคามฯ
พระเกจิอาจารย์ อายุเกิน100ปี นับวันจะเหลือน้อยลงทุกที ทางสายใต้ก็มีรูปนี้กำลังโด่งดังมาก ท่านมีนามคุ้นหูเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาและนักสะสมวัตถุมงคลสายใต้ “พ่อท่านเอื้อม กตปุญโญ” ปัจจุบันมักได้รับอาราธนานิมนต์ไปนั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสก และกดพิมพ์นำฤกษ์วัตถุมงคลยอดนิยม “จตุคามรามเทพ” อยู่บ่อยครั้ง แต่ส่วนใหญ่จะอยู่แถวภาคใต้ เพราะติดปัญหาเรื่องการเดินทาง ความชราไม่เป็นปัญหากับหลวงพ่อเอื้อม วัดบางเนียนด้วยความเมตตาที่เปี่ยมล้น อยากให้คณะศรัทธามีวัตถุมงคลมากพุทธคุณไว้บูชา วัดใกล้หรือไกลหากจัดพิธีพุทธาภิเษก-เทวาภิเษก พระเครื่องวัตถุมงคลแล้วทำใบฎีกานิมนต์มา ท่านไม่เคยปฏิเสธ บางครั้งศิษย์ของท่านเองต้องขอร้อง เพราะเป็นห่วงเรื่องสุขภาพ
5. พ่อท่านเขียว วัดหรงบล ปากพนัง
หลวงปู่เขียว ถือกำเนิดขึ้นในตะกูลชาวนา เมื่อวันอาทิตย์ ขึ้นแรมไม่ปรากฏ เดือนยี่ ปีมะเมีย พ.ศ.๒๔๒๔ บิดาชื่อนาย ปลอด มารดาชื่อแป้น มีพี่น้อง ๔คน ชาย๒หญิง๒ หลวงปู่เขียวเป็นพี่ชาวคนโต น้องชายชื่อนายพลับ น้องสาวชื่อนางเอียด และนางปาน น้องชายและน้องสาวเสียชีวิตก่อนท่าน
เมื่อยังเยาว์วัย หลวงปู่เขียวอาศัยพระในบ้านช่วยสอนหนังสือให้อ่านเขียนได้ตามอักขระสมัย ท่านชอบศึกษาเล่าเรียนเป็นชีวิตจิตใจ
พ่อท่านเขียว วัดหรงบน ท่านตัดสินใจสละเพศฆราวาส เข้าสู่วัดเมื่ออายุได้ ๒๒ปี อุปสมบท ณ วัดคงคาวดี (วัดกลาง) ปีเถาะ พ.ศ.๒๔๔๖ พระครูสมัยนั้น เป็นพระอุปัชฌายะ พระครูบริหารสังฆกิจ (เต็ง) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระเกื้อเป็นพระกรรมวาจา ได้รับฉายาว่า “อินทมุนี”ได้ปรนนิบัติรับใช้ รับฟังโอวาทจากพระอุปัชฌายะชั่วระยะเวลาหนึ่ง หลังจากนั้น หลวงปู่เขียว ก็กราบลาพระอุปัชฌายะ ไปศึกษาเล่าเรียนต่อกับพระอาจารย์เอียด วัดบน พระอาจารย์เอียดเก่งทั้งทางโลก และทางธรรม อบรมนิสัยให้เหมาะแก่สมณเพศ จนท่านตั้งใจว่า ขอถือบวชอยู่ในพุทธศาสนาตลอดไป หาทางพ้นทุกข์ตัดอาสวะกิเลสให้สิ้น
อ่านต่อ https://www.mokkalana.com/1320/
6. พ่อท่านบุญให้ วัดท่าม่วง
“พ่อท่านบุญให้ ปทุโม” หรือ “พระครูพิศาลวิหารวัตร” วัดท่าม่วง ต.ปากพูน อ.เมือง จ. นครศรีธรรมราช ถือเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอีกรูป และได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้า
ที่ผ่านมา ท่านได้จัดสร้างวัตถุมงคลที่มีพุทธคุณด้านคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เมตตามหานิยม หลายต่อหลายรุ่น มอบให้แก่คณะศิษยานุศิษย์และสาธุชนที่เลื่อมใสศรัทธา จนเป็นที่เลื่องลือว่าเป็นผู้มีวิทยาคมทรงพุทธคุณเข้มขลัง
ปัจจุบัน พ่อท่านบุญให้ สิริอายุ ๙๐ พรรษา ๗๐ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดท่าม่วง วัดท่าม่วง ต.ปากพูน อ.เมือง จ. นครศรีธรรมราช
อ่านต่อ https://www.mokkalana.com/1406/